ยุทธศาสตร์สร้างเศรษฐกิจจีนแบบวงจรคู่ขนาน (Dual Circulation) และโอกาสของไทยในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ อ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า GREATER BAY AREA (GBA)

ยุทธศาสตร์สร้างเศรษฐกิจจีนแบบวงจรคู่ขนาน (Dual Circulation) และโอกาสของไทยในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ อ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า GREATER BAY AREA (GBA)

วันที่นำเข้าข้อมูล 18 พ.ค. 2566

| 5,603 view

 

                                       ( ภาพจาก : www.chinadiscovery.com)

เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ๒๕๖๓ รัฐบาลจีนได้ประกาศนโยบายเศรษฐกิจวงจรคู่ขนาน (Dual Circulation) ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญกับ “การหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศ (Internal Circulation)” ควบคู่ไปกับ “การหมุนเวียนเศรษฐกิจต่างประเทศ (External Circulation)” โดยนโยบายนี้กำหนดให้เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญในการพัฒนาประเทศภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระยะ ๕ ปี ฉบับที่ ๑๔ (ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๖๔ – ๒๕๖๘) ที่มุ่งรักษาเสถียรภาพของการค้าระหว่างประเทศ และในขณะเดียวกันก็หันมามุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศให้สามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี

รัฐบาลจีนเล็งเห็นถึงศักยภาพของมณฑลกวางตุ้งซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศเนื่องจากเป็นมณฑลที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ ๑ ของประเทศติดต่อกันเป็นเวลาถึง ๓๒ ปี จนถึงปี ๒๕๖๓ โดยเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตสินค้าจำนวนมากเพื่อการส่งออก จนได้ชื่อว่าเป็น โรงงานของโลก ทำให้มณฑลนี้มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศมากที่สุดในประเทศจีนถึง ๓๕ ปีซ้อน ดังนั้นรัฐบาลจีนจึงมุ่งให้มณฑลกวางตุ้งเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนนโยบายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ของประเทศ รวมถึงการทำพื้นที่ sandbox ทดลองนโยบายใหม่ ๆ ซึ่งผู้สนใจที่จะทำธุรกิจกับจีนควรจะเรียนรู้ถึงความสำคัญของกรอบความร่วมมือนี้เพื่อให้สามารถเข้าถึงโอกาสในการค้าการลงทุนในเขต GBA อันจะเป็นประตูหลักสู่จีนต่อไป

 

พื้นที่เขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า GREATER BAY AREA (GBA)

  • GBA เป็นเขตพื้นที่ในมณฑลกวางตุ้ง ครอบคลุม เมืองสำคัญ ๑๑ เมืองด้วยกัน ได้แก่ เมืองกว่างโจว เซินเจิ้น จูไห่ ฝอซาน หุ้ยโจว ตงก่วน จงซาน เจียงเหมิน จ้าวชิ่ง ฮ่องกง และมาเก๊า
  • มีพลเมืองรวม ๘๖ ล้านคน (ข้อมูลปี พ.ศ.๒๕๖๕) มากกว่าพลเมือง เยอรมนี และฝรั่งเศส ทั้งประเทศ
  • ครอบคลุมพื้นที่ ๕๖,๐๐๐ ตร.กม.
  • GDP ๑.๙ ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๓.๖ เท่าของ GDP ประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๕๖๕)
  • Greater Bay Area ทั้ง ๑๑ เมือง มีการแยกลำดับความสำคัญทางยุทธศาสตร์เป็น ๒ ส่วน คือ Core cities และ Key node cities
  1. Core Cities รัฐบาลจีนจัดเป็นศูนย์รวมของการพัฒนาในมณฑลกวางตุ้งจำนวน ๔ เมือง ได้แก่ เมือง ฮ่องกง เซินเจิ้น กว่างโจว และ มาเก๊า
  2. Key Node Cities รัฐบาลจีนจัดให้เป็นเมืองรองจำนวน ๗ เมืองเพื่อให้การสนับสนุนและขับเคลื่อนการพัฒนาของเมืองหลักให้ขยายตัวออกไป ได้แก่ เมืองจูไห่ ฝอซาน หุ้ยโจว ตงก่วน จงซาน เจียงเหมิน จ้าวชิ่ง

ยุทธศาสตร์การพัฒนาของ ๔ เมืองที่เป็น Core cities ของ Greater Bay Area (GBA)

เขตบริหารพิเศษฮ่องกง : เป็นเมืองที่ประเทศจีนวางยุทธศาสตร์ให้เป็นมหานครนานาชาติ (International Metropolis) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางระหว่างประเทศที่สำคัญ ๘ ด้าน และเป็นเมืองหน้าด่านเชื่อมโยงประเทศจีนกับโลกสากลเพื่อนำมาซึ่งการพัฒนาประเทศ ดังนั้น เมืองฮ่องกงจะมีอิสระในการบริหารตนเองสูงและมีความเชื่อมโยงกับโลกตะวันตกมากที่สุด โดยศูนย์กลางระหว่างประเทศทั้ง ๘ ด้าน ได้แก่

  1. ศูนย์กลางการเงิน และเป็น Global offshore RMB business hub ในการทำธุรกรรมที่ใช้เงินสกุลหยวน
  2. ศูนย์กลางทางการค้า
  3. ศูนย์กลางการขนส่ง
  4. ศูนย์กลางการให้บริการทางกฎหมายในระดับสากล และ การเจรจาไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศ
  5. ศูนย์กลางทางการบินแห่งเอเชีย
  6. ศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่
  7. ศูนย์กลางทรัพย์สินทางปัญญา
  8. ศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างตะวันตกและตะวันออก

 

เมืองเซินเจิ้น : เป็นเมืองหน้าด่านของจีนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อทดลองนโยบายทางการเงินรูปแบบใหม่ ในลักษณะ sandbox อาทิ การทดลองใช้เงินสกุลดิจิทัลหยวนในประเทศจีน และการตั้งเขตการค้าเสรีเฉียนไห่ (Qianhai Cooperation Zone) เพื่อเชื่อมความร่วมมือระหว่างเซินเจิ้นกับฮ่องกงในด้านการค้าการลงทุน นอกจากนี้ จีนยังวางยุทธศาสตร์ให้เซินเจิ้นเป็นเมืองแห่งการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีของประเทศ โดย

เซินเจิ้นเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จำนวนมาก อาทิ บริษัทหัวเหว่ย (Huawei) บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BYD  บริษัทผลิตอุปกรณ์สื่อสาร ZTE  บริษัทไอทีที่ใหญ่ที่สุดของจีน TenCent และอื่น ๆ

 

เมืองกว่างโจว : เป็นเมืองยุทธศาสตร์ของมณฑลกวางตุ้ง ในด้านอุตสาหกรรม การค้า และการขนส่งในประเทศ โดยจะเป็นประตูศูนย์กลางเชื่อมสู่เมืองรองต่าง ๆ ในมณฑล โดยประเทศไทยได้จัดตั้ง สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว และ สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนในต่างประเทศ (BOI) เพื่อขยายความร่วมมือการค้าการลงทุนระหว่างบริษัทต่าง ๆ ของจีนในเขต GBA กับ ประเทศไทยให้มากขึ้น

 

เขตบริหารพิเศษมาเก๊า  : เป็นเมืองที่วางเป้าหมายของการพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์รวมการท่องเที่ยว และสันทนาการระดับโลก รวมไปถึงการเป็นศูนย์รวมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศจีนกับประเทศในกลุ่ม Lusophone ที่มีการใช้ภาษาโปรตุเกสร่วมกัน นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังสนับสนุนให้มาเก๊าสามารถเข้าร่วมการพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบที่หลากหลายได้ อาทิเช่น การพัฒนาเขตการค้าเสรีในเขตเหิงฉิน (Hengqin Cooperation Zone) เพื่อเชื่อมความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่าง มาเก๊า กับ มณฑลกวางตุ้ง

 

นอกจากนี้ การพัฒนา core cities ในเขต GBA ทั้ง ๔ เมืองจะมีลักษณะบูรณาการร่วมกัน ผ่าน ๔ โครงการขนาดใหญ่และโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละเมืองเพื่อให้การพัฒนามณฑลกวางตุ้งบรรลุเป้าหมายตามแผน

 

โครงการขนาดใหญ่ทั้ง ๔ โครงการของ GBA ประกอบด้วย

  1. โครงการ Guangzhou-Shenzhen-Dongguan Science & Technology Innovation Corridor (STIC) เชื่อมพื้นที่ ๓ เมืองเพื่อสร้าง Silicon Valleyของประเทศ (กำหนดการสร้างเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓)
  2. โครงการ South China Advanced Materials Innovation Park หรือที่เรียกอีกชื่อว่า โครงการ Hua Xin Yuan ในเขตเมืองกว่างโจว
  3. โครงการ Nansha Science & Technology Park ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างฮ่องกงและเมือง Nansha
  4. โครงการ Hong Kong Science & Technology Park ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างฮ่องกง เซินเจิ้น รวมไปถึงเมืองอื่น ๆ ในเขต GBA

 

โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อเชื่อมโยงเมืองต่าง ๆ ในเขต GBA เข้าด้วยกัน ประกอบไปด้วย

  1. Hong Kong – Zhuhai – Macao Bridge ถือเป็นโครงการระดับโลก เนื่องจากเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลกโดยมีความยากลำบากในการก่อสร้างสูง และมีความยาวถึง ๕๕ กม. เชื่อมต่อระหว่าง เมืองฮ่องกง จูไห่ และ มาเก๊า เปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งในเมืองหน้าด่านของเขต GBA อันได้แก่ ฮ่องกง จูไห่ และมาเก๊า เข้าด้วยกัน

(ภาพจาก : https://www.hzmb.gov.hk/en)                                                     (ภาพจาก : https://news.cgtn.com)

2. Guangzhou-Shenzhen-Hong Kong Express Rail Link (XRL) เป็นโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างฮ่องกงกับเมืองเซินเจิ้นไปถึงนครกว่างโจว และจะเชื่อมเข้ากับเส้นทางรถไฟของประเทศจีนต่อไป ทั้งนี้รถไฟสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ ๓๕๐ กม./ชั่วโมง โครงการนี้เปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ทำให้การเดินทางจากฮ่องกงไปยังนครกว่างโจวใช้เวลาเพียงแค่ ๔๘ นาที สามารถลดระยะเวลาในการเดินทางลงเหลือเพียง ๑ ใน ๓ ของระยะเวลาที่ใช้ในอดีต

                    (ภาพจาก : www.executivetraveller.com)                                (ภาพจาก : https://thehkshopper.com)

3. สะพาน Nansha Bridge หรือ ที่มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สะพาน “Humen Second Bridge”เป็นสะพานแขวนคานเหล็กหน้าตัดรูปกล่องที่กว้างที่สุดในโลก เปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๖๒ ด้วยความยาว ๑๒.๙ กม. และเป็นสะพานแห่งแรกของจีนที่ติดตั้งเครือข่าย 5G ถือเป็นสะพานยุทธศาสตร์ที่เชื่อมเมืองต่าง ๆ ในฝั่งตะวันออกของ GBA อย่าง เมืองเซินเจิ้น ตงก่วน และหุ้ยโจว เข้ากับเมืองฝั่งตะวันตกอย่าง

ฝอซาน จูไห่ จงซาน เจียงเหมิน และจ้าวซิ่ง โดยสะพานดังกล่าวได้รับการออกแบบให้สามารถรองรับรถยนต์วิ่งผ่านได้ถึง ๑๐๐,๐๐๐ คันต่อวัน และสามารถทำความเร็วได้สูงถึง ๑๐๐ กม. ต่อชั่วโมง

(ภาพจาก : www.chinadailyhk.com)                                                                   (ภาพจาก : http://www.ecns.cn)

4. สะพาน Shenzhen-Zhongshan Bridge หรือ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สะพาน “หลิงติงหยาง” เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเมืองเซินเจิ้นกับเมืองจงซาน มีกำหนดเปิดให้บริการในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยตัวสะพานมีความยาวประมาณ ๒๔ กม. และหอคอยหลักของสะพานมีความสูงเทียบเท่าตึกสูง ๙๐ ชั้น รวมทั้งมีช่องลอดใต้สะพานสำหรับการเดินเรือสูงถึง ๗๖.๕ เมตร และความกว้างของสะพานถึง ๘ ช่องจราจรโดยสะพานนี้เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้เมืองจงซานกลายเป็นเป้าหมายใหม่สำหรับบริษัทในเซินเจิ้น และเมืองข้างเคียงที่ต้องการมองหาที่ดินราคาไม่สูง ก่อให้เกิดการกระจายความเจริญสู่ฝั่งตะวันตกของ GBA

                              (ภาพจาก : news.trueid.net)                                                     (ภาพจาก นสพ.SCMP)

ทั้งนี้ เห็นได้ว่าประเทศจีนได้วางรากฐานการเชื่อมโยงเมืองต่าง ๆ ให้สนับสนุนการพัฒนาซึ่งกันและกันอย่างมีระบบ สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะทำตลาดในเขต GBA สามารถที่จะเลือกเปิดตลาดหรือสร้างช่องทางในฮ่องกงได้ก่อน ด้วยเหตุผลหลายประการ

ทำไมการทำธุรกิจในเขต GBA จึงควรทำผ่านเขตบริหารพิเศษฮ่องกง

  1. ฮ่องกงมีระบอบการปกครองในลักษณะ “เขตบริหารพิเศษ” ตามนโยบายแห่งชาติจีนที่จะปกครองในรูปแบบ ๑ ประเทศ ๒ ระบบ โดยให้ฮ่องกงสามารถจัดสรรงบประมาณ และ ปกครองตนเองได้อย่างอิสระ ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อความมั่นคงแห่งชาติจีน รวมทั้งฮ่องกงมีข้อได้เปรียบในด้านความชำนาญในการค้าขายกับต่างประเทศมานาน ทำให้มีนโยบายพื้นฐานเกือบทุกด้านที่เอื้อต่อการลงทุน และมีสาขาของธนาคารต่างชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศแถบเอเชีย
  2. ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีโครงสร้างพื้นฐานในการทำธุรกิจกับต่างประเทศอย่างครอบคลุมและรวดเร็วทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เนื่องจากมีท่าอากาศยานนานาชาติที่มีมาตรฐานระดับโลก มีท่าเรือขนส่งสินค้าที่มีปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ติดอันดับ top 10 ของโลกทุกปี และมีจุดเชื่อมต่อในการลำเลียงสินค้าเข้าสู่จีนหลายจุด หลายช่องทาง
  3. ฮ่องกงมีสกุลเงินของตัวเอง คือ ฮ่องกงดอลลาร์ (HKD) ที่สามารถค้าขายได้อย่างเสรี (freely convertible) และมีเงินทุนสำรองมหาศาล โดยในปี ๒๕๖๕ ฮ่องกงมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากเป็นอันดับ ๘ ของโลก สูงกว่าประเทศซาอุดิอาระเบีย และเกาหลีใต้ ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ ๑๕ ของโลก ทำให้ฮ่องกงมีความน่าเชื่อถือในด้านความมั่นคงของสกุลเงิน ในขณะที่เมืองอื่น ๆ ในประเทศจีนยังคงค้าขายด้วยเงินหยวนซึ่งไม่ใช่สกุลเงินตราที่แลกเปลี่ยนได้เสรี และรัฐบาลจีนมีความเข้มงวดในการดูแลค่าเงินหยวน รวมถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าออกประเทศ นักลงทุนจากต่างประเทศจึงเลือกที่จะทำธุรกิจกับประเทศจีนผ่านฮ่องกง
  4. ฮ่องกงใช้หลักกฎหมาย Common Law และมีทีมงานมืออาชีพในทุกสาขาอาชีพจำนวนมาก ทำให้สามารถต่อยอดธุรกิจไปยังประเทศตะวันตกได้ง่าย จากตัวเลขในปี ๒๕๖๔ พบว่ามีบริษัทต่างชาติจำนวนมากถึง ๙,๐๔๙ บริษัท เลือกมาจัดตั้งสาขาในฮ่องกง และในจำนวนนั้นมีถึง ๑,๔๕๗ บริษัทที่เลือกให้ฮ่องกงเป็นสำนักงานใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย โดย ๕ ประเทศแรกที่มีจัดตั้งบริษัทในฮ่องกงมากที่สุด คือ จีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา
  5. ฮ่องกงมีอัตราภาษีในอัตราต่ำเมื่อเทียบกับประเทศจีน และมีระบบการจัดเก็บที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
  • ฮ่องกงไม่มี Capital Gain Tax
  • ฮ่องกงไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT/GST
  • ฮ่องกงไม่มีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (withholding tax) สำหรับเงินปันผลและดอกเบี้ยที่ได้รับ
  • ฮ่องกงไม่มีภาษีมรดก (Estate Duty)
  • ฮ่องกงมีความตกลงทวิภาคีในเรื่องการยกเว้นการเก็บภาษีซ้ำซ้อน (Double Tax Agreements : DTAs) กับประเทศต่าง ๆ มากว่า ๔๐ ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

6. ธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งในฮ่องกงจะได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองในการลงทุนตามความตกลงCloser Economic Partnership Arrangement (CEPA) ระหว่างฮ่องกงกับรัฐบาลจีนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยความตกลง CEPA จะเป็นความร่วมมือใน ๔ ด้าน ได้แก่

ความร่วมมือด้านการค้า โดยสินค้าที่ผลิตในฮ่องกงและได้รับใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าจากหน่วยงานรัฐบาล (certificate of origin : CO) สามารส่งออกไปยังประเทศจีนได้โดยปราศจากภาษีนำเข้า

ความร่วมมือด้านบริการ บริษัทที่จัดตั้งในฮ่องกงสามารถให้บริการในประเทศจีนได้โดยได้รับการผ่อนปรนในกฎข้อบังคับต่าง ๆ สำหรับหลายบริการ อาทิ บริการด้านกฎหมาย บริการด้านธนาคารประกันภัยบริการด้านการออกแบบ ด้านคำปรึกษาทางวิศวกรรม และอื่น ๆ

ความร่วมมือด้านการลงทุน บริษัทที่จัดตั้งในฮ่องกงสามารถขอลงทุนในประเทศจีนได้ โดยได้รับความคุ้มครองการลงทุนและมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ จากประเทศจีน อาทิ การลงทุนในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ การประมงในน่านน้ำจีน และอื่น ๆ

ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและวิชาการ โดยในปัจจุบันมีความตกลงร่วมกันระหว่างฮ่องกงกับประเทศจีน ๒๒ ด้าน อาทิ การจัดสัมมนา งานแสดงสินค้า และอื่นๆ

(ภาพจาก : https://www.hk01.com)                                        (ภาพจาก : https://www.familyoffices.hk)

 

แหล่งที่มาข้อมูล