ฮ่องกงกับแนวทางสู่การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ (New Economy)

ฮ่องกงกับแนวทางสู่การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ (New Economy)

วันที่นำเข้าข้อมูล 8 มี.ค. 2566

| 2,377 view

ฮ่องกงได้รับการขนานนามเป็นว่าเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนแห่งเอเชียมาหลายทศวรรษ และเมื่อกล่าวถึงการเปิดตลาดการค้าในต่างประเทศหลายคนจึงนึกถึงฮ่องกงเป็นอันดับต้น ๆ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจฮ่องกงขับเคลื่อนด้วยเสาหลัก ๔ ด้าน อันประกอบด้วย ภาคบริการทางการเงิน ภาคการค้าการขนส่ง ภาคบุคลากรวิชาชีพชั้นสูง และภาคการท่องเที่ยว โดยในปี ๒๕๖๔ รายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของฮ่องกง (GDP) ร้อยละ ๒๑ มาจากภาคบริการทางการเงิน และร้อยละ ๒๔ มาจากภาคการค้าการขนส่ง ซึ่งทั้งสองด้านดังกล่าวเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญที่สุดของฮ่องกง

อย่างไรก็ตาม โลกกำลังเปลี่ยนไป อาทิ การเกิดการค้ารูปแบบออนไลน์ได้เพิ่มมากขึ้น การให้บริการทางการเงินในรูปแบบเก่าเริ่มเข้าสู่ทางตัน ฮ่องกงจึงจำเป็นต้องเร่งปรับกลยุทธ์และกำหนดนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ของเมืองให้มุ่งสู่การเป็น Smart City และออกนโยบายการเงินการคลังในเชิงรุกด้วยการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วนเพื่อนำมาใช้กับทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น Fintech, InsurTech, GreenTech และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อให้เกิดการจ้างงานและเป็นแหล่งรายได้มหาศาลของรัฐบาลในอนาคต

ในปี ๒๕๖๕ ฮ่องกงได้ระดมเงินทุนสำหรับเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียและอับดับ ๒ ของโลก โดยส่งเสริมให้เกิดบริษัท StartUp ด้านไอทีประมาณ ๔,๐๐๐ บริษัท ซึ่งมากกว่า ๑๐ บริษัทที่เป็นระดับยูนิคอร์น และสามารถนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในฮ่องกงได้ อาทิ บริษัท DJI ผู้นำด้านหุ่นยนต์ บริษัท WeLab ผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) และบริษัท SenseTime ผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เพิ่งลงนามในสัญญาความร่วมมือการพัฒนาธุรกิจกับประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

แผนแม่บทสำหรับการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของฮ่องกง (I&T)

เมื่อเดือนธันวาคมปี ๒๕๖๕ รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ระยะ ๕ – ๑๐ ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนฮ่องกงไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้าน I&T ในระดับสากล ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาใน ๔ ทิศทาง ดังต่อไปนี้

  • พัฒนาระบบนิเวศน์สีเขียวโดยใช้ I&T และสนับสนุนอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ในฮ่องกง (new industrialisation)
  • ขยายการพัฒนากลุ่มบุคลากรด้าน I&T ให้มากขึ้น เพื่อสร้างแรงผลักดันให้เกิดการเติบโต
  • สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาเมืองฮ่องกงสู่การเป็น smart city
  • บูรณาการการพัฒนาด้าน I&T ให้เข้ากับการพัฒนาโดยรวมของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยยึดบทบาทของฮ่องกงในการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับโลกภายนอก

เป้าหมายของรัฐบาลฮ่องกงด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีในระยะ ๕ – ๑๐ ปี

  1. สานต่อโครงการพัฒนาเมืองให้เป็น Smart City ซึ่งโครงการนี้ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๖๐ โดยมียุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองทั้ง ๖ ด้านให้มีความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี อันประกอบไปด้วย

 – Smart Mobility – Smart Living – Smart Environment

– Smart People- Smart Government – Smart Economy

(ภาพจาก www.brandhk.gov.hk)

2. เพิ่มจำนวนบุคลากรในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ I&T ในฮ่องกงจาก ๔๕,๓๑๐ คนในปี ๒๕๖๕ ให้ได้จำนวนอย่างน้อย ๑๐๐,๐๐๐ คน

3. เพิ่มจำนวนบริษัท StartUp ด้าน I&T ที่จดทะเบียนจัดตั้งในฮ่องกง จากประมาณ ๔,๐๐๐ บริษัทใน ปัจจุบันให้ได้จำนวนอย่างน้อย ๗,๐๐๐ บริษัท

4. เพิ่มจำนวนบริษัท Unicorn ด้าน I&T ให้ได้จำนวน ๓๐ บริษัท

5. สร้างอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ (New Industrialisation) ที่เน้นการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยจะเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) จากร้อยละ ๐.๙๙ ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม ฮ่องกง (GDP) ในปัจจุบัน ให้เป็นร้อยละ ๒.๐

6. ผลักดันให้มูลค่าของภาคอุตสาหกรรมการผลิตเพิ่มจากร้อยละ ๑.๒ ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมฮ่องกง (GDP) เป็นร้อยละ ๕

แผนงบประมาณประจำปี ๒๕๖๖ – ๒๕๖๗ ที่สนับสนุนการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สำคัญ

  1. อัดฉีดเงินจำนวน ๖ พันล้านฮ่องกงดอลลาร์เพื่อสนับสนุนมหาวิทยาลัยและสถาบันการวิจัยต่าง ๆ สำหรับการวิจัยด้าน Life & Health Technology และอีก ๓ พันล้านฮ่องกงดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในด้านดังกล่าว
  2. อัดฉีดเงินจำนวน ๓ พันล้านฮ่องกงดอลลาร์เพื่อการพัฒนาและวิจัยทางด้าน AI และเทคโนโลยี Quantum
  3. สนับสนุนการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนาวงจรไฟฟ้าขนาดเล็กซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูง (Microelectronics)
  4. สนับสนุนการลงทุนของบริษัท StartUp ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว โดยจะจัดสรรเงินสนับสนุนผ่านหน่วยงาน HK Science and Technology Park (HKSTP) และ Cyberport
  5. จัดตั้งศูนย์ The Advanced Manufacturing Centre (AMC) ใน Tseung Kwan O InnoPark โดยมีพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง ๑๑๐,๐๐๐ ตร.ม. เพื่อให้ผู้เช่าสามารถมีพื้นที่ผลิตสินค้าด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเปิดให้บริการแล้วเมื่อเดือนเม.ย. ๒๕๖๕

6. สนับสนุนงานโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน FinTech ซึ่งจะรวมไปถึงนวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “e-HKD” และ “e-CNY” รวมทั้งการพัฒนาวิธี การชำระเงินข้ามพรมแดนให้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น (Cross-Boundary Payment) โดยในขณะนี้ HK Monetary Authority (HKMA) ได้ร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการพัฒนาระบบ Fast Payment System (FPS) ของฮ่องกงให้สามารถใช้ควบคู่กับระบบ PromptPay ของประเทศไทยได้ เพื่อสนับสนุนการชำระค่าสินค้าและบริการในท้องถิ่นได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

7. สนับสนุนการเดินหน้าต่อของโครงการขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า “Northern Metropolis” ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างในเขตพื้นที่ทางตอนบนของฮ่องกงใกล้กับพรมแดนติดกับเมืองเซินเจิ้นของจีนแผ่นดินใหญ่ รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ ๓๐,๐๐๐ เฮกตาร์ (๓๐๐ ตร.กม.) ให้เป็นศูนย์รวมการพัฒนาด้านเทคโนโลยีแห่งใหม่และใหญ่ที่สุดของฮ่องกงที่เรียกว่า “Hong Kong Silicon Valley” เพื่อเป็นพื้นฐานของอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่เรียกว่า “South-North dual engine (finance-innovation-technology)” และผสานความร่วมมือทางเศรษฐกิจชั้นสูง (High-end economy) ระหว่างฮ่องกงกับเมืองต่าง ๆ ในเขต Greater Bay Area ของสาธารณรัฐประชาชนจีน

(ภาพจาก หนังสือพิมพ์ South China Morning Post)

8. จัดตั้งกองทุน Green Tech Fund เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนำไปสู่สังคมสีเขียว อาทิ การวิจัยพลังงานไฮโดรเจน การวิจัยระบบฟอกอากาศบนท้องถนน และอื่น ๆ

9. จัดสรรงบประมาณจำนวน ๒๐๐ ล้านฮ่องกงดอลลาร์เพื่อสานต่อโครงการ “iAM Smart” ซึ่งเป็น แอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่อบริการจากหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกับประชาชน

(ภาพจาก www.ehealth.gov.hk)

 

10. จัดสรรงบประมาณจำนวน ๕๐ ล้านฮ่องกงดอลลาร์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม “Web3” โดยในเบื้องต้นจะเน้นการสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อวางรากฐานให้กับธุรกิจ สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrencies) และสินทรัพย์ดิจิทัล (Non-Fungible Tokens: NFTs)

โครงการใหม่ในอนาคตด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของฮ่องกง

ขณะนี้ฮ่องกงกำลังเร่งพัฒนาแนวทางในการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่ชื่อว่า  “AI Supercomputing Centre ให้สำเร็จภายในปี ๒๕๖๘ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางการให้บริการด้านปัญญาประดิษฐ์แก่สถาบันวิจัยต่าง ๆ รวมไปถึงหน่วยงานรัฐบาล มหาวิทยาลัย และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลจะศึกษารายละเอียดทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ และจะวางแผนงบประมาณเพื่อสนับสนุนโครงการในแผนงบประมาณปีหน้า เพื่อต่อยอดสู่เป้าหมายในการเปิดศูนย์ให้แล้วเสร็จตามกำหนด

(ภาพจาก : www.busniess2community.com)

แหล่งที่มาของข้อมูล :